PCT รวบ “เบียร์สายสาม-มือเชือด 150 ล้านแก็งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 214 ครั้ง
PCT รวบ “เบียร์สายสาม-มือเชือด 150 ล้านแก็งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก็งคอลเซ็นเตอร์เป็นอันดับหนึ่งโดยได้ใช้มาตรการทุกมิติ จนเรียกได้ว่าเป็นการทำสงครามกับแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยที่ผ่านมามีการหารือและทำ MOU ในการแก้ไขปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์และ อาชญากรรมาทางไซเบอร์ แบบทวิภาคีระหว่างรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับรัฐบาลประเทศกัมพูชา
วันที่ 29 ต.ค.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ได้ สืบสวนจนทราบว่า แก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้แผนประทุษกรรมหลอกลวงเป็นพนักงานขนส่งบริษัทเอกชน “fedex” เรื่องพัสดุผิดกฎหมาย และหลอกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ “สภ.เมืองเชียงราย” นั้นมีที่ตั้งอยู่ที่ ตึกประตูดก 8 ชั้น ซ.วัด ตาด เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า “ตึกประตูดำ” ซึ่งต่อมา ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ได้ สืบสวนขบวนการนี้เก็บข้อมูลบุคคลภายในตึกเป็นเวลากว่า 6 เดือน พบว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 65 ได้มีผู้เสียหายได้ ถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวง มูลค่าความเสียหาย 41,517,869 บาท และเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 65 ได้มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแพทย์ได้ถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวงอีก มูลค่าความเสียหาย 101,871,381 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์แผน ประทุษกรรมของ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมประกอบกับพยานหลักฐานที่สืบสวนได้ จากการสืบสวน ยืนยันได้ว่าเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ “ตึกประตูดำ” จึงได้เร่งรัดให้ดาเนินการสืบสวนและจับกุม ผู้กระทำความผิดทั้งหมดทั้งต่างประเทศ และในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 18.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศปอส.ตร. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงาน สอบสวน บก.สส.ภ.2/รอง หน.ชป.5 ศปอส.ตร. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง , พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.1 บก.ปส.1/จนท.ชป.5 ศปอส.ตร. , พ.ต.ต.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.ฯ , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.ฯ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี สว.ฯ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.ฯ , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง สวฯ , พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.ฯ , ร.ต.อ.ภัสส์กร เฉลียวบุญ รอง สว.ฯ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT 5 สามารถจับกุมตัวนายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 19 ม.4 ต.เจ็ดริ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งทาหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ที่ปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ต.ค. 65 พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวน 16 รายการ
- สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพของ น.ส.จุฑามาศ จานวน 1 เล่ม 2. สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทยของ น.ส.จุฑามาศ จานวน 1 เล่ม 3 แหวนโลหะคล้ายทองคำ นำ้หนัก 1 บาท จำนวน 1 วง 4. สร้อยคล้ายทองคำ น้ำหนัก 4 บาท จำนวน 1 เส้น
- นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ Casio สีดำจำนวน 1 เรือน 6.เงินสด จานวน 745 บาท 7.ธนบัตรสกุลเงินดอลลาร์ จานวน 1 ดอลลาร์
- ธนบัตรสกุลเงินเรียล จำนวน 16,500 เรียลกัมพูชา 9.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 12 pro max สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง 10. นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ LongBo สีดำ จำนวน 1 เรือน 11.แหวน คล้ายทอง นำ้หนัก 1 สลึง จำนวน 1 วง
- กำไรคล้ายทอง น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น 13.สร้อยพระ คล้ายทอง น้ำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น 14.สร้อยพระ คล้ายทอง น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น 15.เงินสด จำนวน 1,874 บาท
- โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 13 pro max สีเขียว จำนวน 1 เครื่อง
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็น เท็จฯ และร่วมกันฟอกเงินฯ” ได้บริเวณ ลานจอดรถ ร้านเค้กบ้านสวน (ขาเข้าสระบุรี) ต.สนับทึบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
กล่าวคือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ได้ รวบรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 58 หมายจับ ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 65 พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วย ผบ.ตร./ผบช.กองบัญชาการรักษาความมั่นคงภายใน ตำรวจกัมพูชา และคณะ ได้เดินทางมาพบ ผบ.ตร. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเทศไทย โดยได้วางแนวทางหารือเพื่อปฏิบัติการทลายแก็งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว และมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า ผู้ที่เป็น “มือเชือด” ที่หลอกลวงให้โอนเงินในขั้นตอน สุดท้าย หรือเรียกว่าสายสามทั้ง 2 คดีนี้ ได้เงินไปกว่า 150 ล้านบาท คือ นายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์
ผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานสาย 3 ที่ปลอมเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ผกก. สภ.เมืองเชียงราย ในขบวนการนี้ ซึ่งได้ มีรวบรวมพยานหลักฐานจนนำมาสู่การออกหมายจับ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2298/2565 ลงวันที่ 28 ต.ค. 65 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมี ส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดยทุจริตฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และร่วมกันฟอกเงินฯ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศปอส.ตร. จึงได้ประสานงานเร่งรัดให้ ทางการประเทศกัมพูชาดำเนินการ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตารวจ PCT ได้เดินทางไปยังเมือง ปอยเปต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชา เข้าปฏิบัติการทลายแก็งคอลเซ็นเตอร์ประตูดำดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้พบว่าหัวหน้าชาวไต้หวันได้สร้าง “ทางลับ” นำพาพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนไทยหลบหนีออกไป จากตึกระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นตึก โดย นายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์ หรือ “มือเชือด 150 ล้าน” รายนี้สามารถหลบหนีออกจากตึกไปได้ เจ้า
หน้าที่ตำรวจ PCT 5 ได้ไล่ติดตาม “มือเชือด 150 ล้าน” จน สืบทราบว่า เดินทางกลับประเทศไทย และถูกติดตามจับกุมตัวในที่สุด
ในชั้นจับกุม นายชลวิชาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า “ตนได้ร่วมกันกับพวก หลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยเริ่มต้นข้ามไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อทางานเป็นแอดมินเว็บพนันที่ เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำเรื่อยมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2564 ซึ่งช่วงเดือน ก.พ.2565 ถูกย้ายตึกทำงาน ประตูดำ และได้เริ่มหลอกลวงเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาย 2 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตารวจ สภ.เมืองเชียงราย ยศร้อยตำรวจโท แต่เมื่อทำมาได้ระยะหนึ่ง หัวหน้าชาวไต้หวัน ได้เห็นถึงความสามารถในการเชือด ได้เลื่อนขั้นเป็น เจ้าหน้าที่สาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ยศพันตำรวจเอก โดยหลอกลวงผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายมีส่วน เกี่ยวข้องกับการจับกุมคดีของนายจักรพงศ์ รือเสาะ
ตั้งแต่ทำงานเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ ตนสามารถหลอกลวง ผู้เสียหายได้ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อเดือน และเครสใหญ่ๆ ที่ตนหลอกได้มี 3 ครั้ง คือ
- ช่วงประมาณ เดือน เม.ย.2565 หลอกลวง นางอาภา ข้าราชการครูเกษียณ ได้ประมาณ 11 ล้านบาท
- ช่วงประมาณ เดือน ก.ค.2565 หลอกลวง นายชาญชัย นักลงทุนหุ้น ได้ประมาณ 41 ล้านบาท
- ช่วงประมาณ ต้นเดือน ต.ค.2565 หลอกลวง นางรัชนี เป็นแพทย์ อยู่ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นเครสล่าสุดที่ได้หลอกลวง โดยตนรับว่าเป็นผู้หลอกลวงหลักในเครสนี้ และมีเพื่อนชื่อ เต๋า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ช่วยพูดคุย หลอกลวงด้วย ได้ประมาณ 101 ล้านบาท
แก็งคอลเซ็นเตอร์แก็งนี้มีพนักงานเป็นคนไทยประมาณ 50-60 คน ในส่วนของเงินเดือนที่ได้จากการทำงาน ตั้งแต่เริ่มงาน ช่วง 1-3 เดือนแรก จะได้เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท แต่ภายหลังเป็นพนักงานเก่า จึงได้ปรับ เงินเดือนเพิ่มเป็น 30,000 บาท และได้ค่าคอมมิชชั่นจากการหลอกลวง 3% และคอมมิชชั่นล่าสุดที่สามารถหลอกลวงได้ 101 ล้าน ได้เงินสดมา 2 ล้านบาท และเครสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 40 ล้านบาท ตนได้เงินประมาณ 1,400,000-1,500,000 บาท และเครสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 10 ล้านบาท ได้เงินสด 300,000 บาท โดยรวมทั้งหมดที่ทำงานมาได้เงินมาทั้งหมดประมาณ 4,000,000 บาท โดยตอนหลบหนีกลับมาที่ประเทศไทยได้พกเงินสด ติดตัวไว้ 600,000 บาท โดยเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ตนได้นำเงินมาใช้สร้างบ้านรวมประมาณ 1 ล้านบาท แบ่งให้ญาติๆ ใช้จ่ายรวม 1 ล้านบาท นำไปซื้อทองรูปพรรณมาเก็บไว้ประมาณ 5 แสนบาท ที่เหลือได้นำมาใช้จ่ายส่วนตัว และส่วนหนึ่งได้นำไปใช้เล่นพนันออนไลน์ เพื่อความสุขส่วนตน”
หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT 5 ได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้มาขยายผลที่ บก.สส.บช.น. โดยมี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ชป.5 ศปอส.ตร. ติดตามขยายผลการจับกุม เส้นทางการเงินเพื่ออายัด เงินที่ผู้ต้องหาได้จากการหลอกลวงมาทั้งหมด และได้มีการติดตามให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเงินจำนวน 41 ล้านบาท และผู้เสียหาย (แพทย์) ที่ถูกหลอกลวงกว่า 100 ล้านบาท มาเข้ายืนยันเสียง ซึ่งทั้งสองได้ยืนยันว่าเสียงของ นายชลวิชาฯ หรือ “มือเชือด 150 ล้าน” รายนี้ เป็นเสียงที่ทั้งสองถูกหลอกลวงจริงๆ จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนาส่งพนักงานสอบสวน สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และติดตามยึดทรัพย์สินต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ หัวหน้าชุด PCT 5 กล่าวว่า “มือเชือด 150 ล้านบาทรายนี้ มีเทคนิควิธีการที่จะสร้าง ความกลัวให้เหยื่อ มีวิธีการหลอกลวงได้อย่างแนบเนียนกว่าพนักงานคอลเซ็นเตอร์คนอื่น จนได้รับความไว้วางใจ จากบอสชาวไต้หวัน ถือเป็นบุคคลที่เป็นภัยสังคม สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยด้วยกัน ตามนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดเดินหน้าปราบปราม ขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังต่อไป ขอเตือนประชาชนที่คิดจะไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ให้ทราบว่า ไม่ว่าอย่างไร ซักวันหนึ่งพวกคุณจะต้องถูกจับ พวกคุณจะต้องกลับมาแบบอาชญากร มิใช่เหยื่อ และจะต้องถูกยึดทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด และขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนคนไทยอย่าได้หลงเชื่อ กลวิธีเหล่านี้ ท่านจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หรือหากท่านมีเบาะแสสามารถติดต่อไปยัง สายด่วน 1441 ตารวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com นอกจากนี้ยังได้จัดทำรูปแบบแผนประทุษกรรมของคนร้าย เพื่อให้ประชาชนรับรู้ โดยสามารถเข้าไปติดตามได้ที่ www.pctpr.police.go.th”



มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 214 ครั้ง